Honda Benly e จะถูกแบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยด้วยกันดังนี้
– Benly e:I
– Benly e:I Pro
– Benly e:II
– Benly e:II Pro
โดยรุ่น e:I และ e:II จะมีหน้าตาเหมือนกัน แตกต่างกันเพียงสเปคข้างใน ส่วนรุ่น Pro จะเป็นการอัพเกรดอุปกรณ์ภายนอกจากรุ่นธรรมดา เช่น ตะกร้าหน้ารถใหญ่ขึ้น ที่วางของด้านท้ายยาวขึ้น เพิ่มที่บังตรงมือจับ เป็นต้น เพื่อหวังเจาะตลาดเจ้าของกิจการที่ต้องการความคล่องตัวในการขนสินค้าในเขตเมืองที่แออัด
สำหรับแบตเตอรี่ ทาง Honda ได้นำเทคโนโลยีใหม่อย่าง Mobile Power Pack ซึ่งก็คือการถอดแบตเตอรี่ของรถออกมาชาร์จได้ ทำให้สามารถนำแบตอีกลูกเสียบเข้าไปใช้งานแทน ขณะที่แบตลูกเดิมกำลังชาร์จไฟอยู่ ซึ่งใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงในการชาร์จจาก 0-100% ระยะทางที่รถทำได้รุ่น e:I และ e:I Pro จะทำได้ที่ 87 กม. (ทดสอบวิ่งด้วยวิ่งด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. แบบคงที่) ส่วนรุ่น e:II และ e:II Pro จะลดสเปคลงมาทำให้ระยะทางที่ทำได้เหลือ 43 กม.
ซึ่งทางต้นทางไม่ได้บอกว่าระยะดังกล่าวนั้น เป็นระยะทางของการใส่แบตเตอรี่ 1 ก้อน หรือ 2 ก้อน แต่ถ้าหากเป็นพลังงานจากแบตก้อนเดียว หมายความว่าคุณสามารถขับมีทางเลือกว่าจะขับทีละก้อน โดยสลับใช้แบตทีละก้อน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จแบตเพราะเมื่ออีกก้อนแบตหมด ก้อนที่ชาร์จอยู่ก็จะเต็มทันที หรือใช้แบต 2 ก้อนพร้อมกัน ทำให้ระยะทางที่ทำได้จาก 87 กม. และ 43 กม. ก็จะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 174 กม. ในรุ่น e:I และ 86 กม. ในรุ่น e:II
Honda Benly e จะขายเป็นแพ็คเกจ ประกอบไปด้วย ตัวรถ/หัวชาร์จไฟ/แบต 2 ก้อน
ซึ่งรุ่นธรรมดาค่าตัวจะเริ่มต้นที่ 737,000 เยน (ราว 203,000 บาท)
และ รุ่น Pro เริ่มต้นที่ 748,000 เยน (ราว 206,000 บาท)
Honda Benly e จะมีขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งทาง Honda ตั้งเป้าว่าจะขายให้ได้ 200 คันในปีหน้าเพื่อเป็นการทดลองตลาด